วันพุธที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2552

การใช้สายตาอย่างถูกต้องและเหมาะสม

นอกจากรับประทานอาหารที่เหมาะสมเพียงอย่างเดียว คงไม่เพียงพอสำหรับการดูแลดวงตาของคุณให้สวยใสอยู่เสมอ แต่คุณต้องใส่ใจและถนอมดวงตาของคุณไว้เพื่อให้อยู่กับคุณไปนานๆ โดยการใช้สายตาอย่างถูกต้องและเหมาะสม ดังนี้
อ่านหนังสือในที่ที่มีแสงสว่างเพียงพอ และถือหนังสือห่างจากดวงตาประมาณ 1 ฟุต ไม่ควรอ่านหนังสือเป็นเวลาติดต่อกันนานๆ ควรพักสายตาประมาณ 30-45 นาที เมื่อคุณรู้สึกปวดเมื่อยตา
ดูโทรทัศน์ในที่ที่มีแสงสว่างเพียงพอ และควรนั่งห่างจากจอโทรทัศน์ประมาณ 5 เท่าของขนาดโทรทัศน์ • ไม่ควรจ้องมองพระอาทิตย์เป็นเวลานานๆ
ควรสวมแว่นตาทุกครั้งที่ต้องออกไปสัมผัสกับแสงแดด หรือขับขี่รถยนตร์
หลีกเลี่ยงการมองหรือจ้องคลื่นแม่เหล็กจากเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่นเตาไมโครเวฟ เครื่องถ่ายเอกสาร ฯลฯเวลาที่เศษผงเข้าตา ห้ามขยี้ตาเด็ดขาด แต่ให้คุณล้างตาด้วยน้ำสะอาดหรือหยอดน้ำยาล้างตาแทนทุกครั้งที่ลงเล่นน้ำในสระว่ายน้ำ ควรสวมใส่แว่นตาว่ายน้ำทุกครั้งเพื่อป้องกันคลอรีนหรือเศษผงเข้าตาควรระมัดระวังการละเล่นหรือทำกิจกรรมต่างๆ ที่จะก่อให้เกิดอันตรายต่อดวงตา
เมื่อรู้สึกปวดเมื่อยตา ไม่ควรกดนวดดวงตา หรือกรอกดวงตาไปมาแต่ควรหลับตาประมาณ 20 -30 นาที • ไม่ควรใช้ผ้าเช็ดหน้า แว่นตา ยาหยอดตา ร่วมกับผู้อื่น
คุณควรปิดไฟนอน เพื่อเป็นการพักสายตา และยังช่วยประหยัดไฟได้อีกด้วย
ในกรณีที่สารเคมีเข้าตา ควรล้างตาด้วยน้ำสะอาด แล้วไปพบจักษุแพทย์โดยด่วน
คุณควรไปตรวจวัดสายตาเป็นประจำ อย่างน้อยปีละครั้ง

วันอังคารที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2552

5 เคล็ดลับ ขจัดเครียด

เกร็ดความรู้ สุขภาพ เทคนิค 5 เคล็ดลับ ขจัดเครียดเพื่อป้องกัน โรค ช่วงนี้ใครมีปัญหาให้ขบคิดจนเกิดอาการเครียดๆ ไม่ต้องกังกล เพราะเรานำ บทความ เกร็ดความรู้ สุขภาพ เทคนิค 5 เคล็ดลับ ขจัดเครียดมาฝากกันค่ะ เอาเป็นว่าไปอ่าน บทความ เกร็ดความรู้ สุขภาพ เทคนิค 5 เคล็ดลับ ขจัดเครียดเพื่อป้องกัน โรค กันนะคะ
ฝึกหายใจ: นั่งลงและเอนหลังกับพนักเก้าอี้ในท่าสบาย สูดหายใจเข้าลึกๆ และช้าๆ วิธีนี้จะสามารถขจัดความเครียดออกไปได้
นวดฝ่าเท้า : ใช้นิ้วหัวแม่มือกดลงบนฝ่าเท้า แล้วนวดคลึงเบาๆ เพื่อคลายเส้นที่ปวดตึง โดยไล่จากส้นเท้าไปจนถึงปุ่มโคนหัวแม่เท้า แล้วจึงค่อยนวดวนออกไปด้านนอกฝ่าเท้า
น้ำช่วยได้ : แค่น้ำเปล่าเย็นๆ หรือน้ำส้มคั้นสดๆ จากตู้เย็นเพียงหนึ่งแก้ว ก็สามารถทำให้รู้สึกผ่อนคลายในยามเครียดได้อย่างประหลาด
กลิ่นหอมขจัดเครียด:น้ำมันหอมที่มีกลิ่นหอมสดชื่นที่เรารู้จักคุ้นหูกันดีในนามของ Aromatherapy สามารถช่วยคลายเครียดได้ เพียงเทน้ำมันหอมลงบนฝ่ามือแล้วนวดคลึงเบาๆ บริเวณขมับ ก็จะทำให้รู้สึกปลอดโปร่ง
ขจัดความเมื่อยขบให้ลำตัว :เมื่อความเครียดรุมเร้าจะปวดไหล่ หลังและคอ ลองเปลี่ยนอิริยาบทง่ายๆ โดยขยับตัวออกมานั่งตรงส่วนปลายของเก้าอี้ วางเท้าลงที่พื้นในท่าสบาย
จากนั้นวางมือขวาที่ต้นขาซ้าย แล้วเอื้อมมือซ้ายไปจับที่พนักเก้าอี้เหนือไหล่ขวา บิดตัวไปทางซ้ายช้าๆ จนสุด พร้อมเป่าลมออกจากแก้ม สูดลมหายใจเข้าลึกๆ พร้อมกับหมุนตัวกลับไปในท่าตรง แล้วค่อยๆ ปล่อยลมออกทางปาก จนกลับมาอยู่ในท่าตรง สลับทำแบบเดียวกันด้านขวาและทำหลายๆ รอบ

วิธีทำให้คอมพิวเตอร์เร็วขึ้น ไม่ช้า

พอดีอ่านเจอในเวป ก็เลยอยากให้ทุกคนได้รู้ค่ะ เทคนิคไม่ลับ เพื่อให้เครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณทำงานได้เร็วที่สุด ประกอบด้วยการแก้ไฟล์ msdos.sys system.ini และ การปรับแต่งอื่น ๆ เพื่อเพิ่มความเร็วให้สุด ๆ ไปเลย
1. เริ่มต้นด้วยการเร่งความเร็วในการ startup ด้วย การลดจำนวนโปรแกรมที่เรียกออกมาเวลาเปิดเครื่อง - คลิก start --> run พิมพ์ msconfig ไปที่แถบ startup จะมีรายชื่อโปรแกรมต่าง ๆ ออกมา ให้ดูว่าโปรแกรมตัวไหนที่เราไม่ต้องการ หรือไม่จำเป็นต้องใช้ก็ให้เอาเครื่องหมายถูกออกไปนะ แล้วก็คลิก OK แล้วก็ restart เครื่องใหม่ (ตัวอย่าง โปรแกรมที่เอาออกได้ เช่น Mirabilis ICQ, Winamp Agent, Real tray, Microsoft find fast, Office startup เป็นต้น ** สิ่งที่ต้องระวัง และ ห้าม เอาออกไป เช่น internat.exe, ScanRegistry, TaskMonitor, Systemtray, LoadPowerProfile และก็ driver ของ โมเด็ม หรือ อุปกรณ์อื่น ๆ เป็นต้น )
2. แก้ไขไฟล์ msdos.sys ให้ boot ได้เร็วขึ้น - ทำได้โดยเปิด Windows Explorer ไปที่ drive C: แล้วก็หาไฟล์ msdos.sys ( หากหาไม่เจอ ให้ไปคลิกที่ View --> Folder Option แล้วมองหาคำว่า Show all files ) - คลิกขวาที่ msdos.sys เลือก properties ดูที่ส่วน attribute แล้วเอาเครื่องหมายถูกที่ Read-only และ Hidden ออกไป และติ๊กเพิ่มที่ Archive คลิก OK - เปิดโปรแกรม notepad (คลิก start --> run พิมพ์ notepad) - คลิก File --> Open เปิดไฟล์ msdos.sys (ที่ส่วน file type ต้องเลือกเป็น *.* All files จึงจะมองเห็น msdos.sys ได้) - เพิ่มคำสั่ง BootDelay=0 เข้าไปในส่วน Options (ระวังตัวใหญ่ตัวเล็กด้วย) - Save แล้วปิดโปรแกรม (อย่าลืมแก้ properties --> attribute ให้มีค่า Read-only และ Hidden เหมือนเดิมด้วย) - restart เครื่อง
3. แก้ไขไฟล์ system.ini ใน windows folder ซึ่งจะช่วยให้มีหน่วยความจำเพิ่มในโหมด Dos - คลิก Start --> find พิมพ์ system.ini เมื่อพบแล้วให้ดับเบิ้ลคลิกที่ชื่อไฟล์ - หาส่วน [386Enh] แล้วเพิ่ม LocalLoadHigh=1 - save แล้วปิด, restart เครื่องใหม่
4. คุณสามารถลบไฟล์ drvspace.bin และ dblspace.bin ได้ หากคุณไม่ได้ใช้การบีบอัดของ Windows เช่น double space วิธีการ คือ - คลิก start --> find พิมพ์ drvspace.bin, dblspace.bin แล้วกด search - คลิกขวาเลือก delete ให้ครบทุกตัว - ทดสอบ restart เครื่อง และใช้งานไปซักพักสองสามวัน หากไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น ท่านก็สามารถลบไฟล์ออกจาก recycle bin ได้เลย.
จากส่วนหนึ่ง ของ http://www.teenee.com

วันพฤหัสบดีที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ข้าวโพดสุกต้านมะเร็ง

ผลงานวิจัยในวารสารสมาคมเคมีแห่งอเมริกา ตีพิมพ์ผลงานของนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยคอร์เนลล์แห่งสหรัฐอเมริกาว่า ข้าวโพดหวานที่ต้มสุกแล้ว จะมีฤทธิ์ในการล้างพิษภายในร่างกายได้สูงกว่าปกติ
ในข้าวโพดหวานตามธรรมชาติ จะมีสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) อยู่ และมีตัวที่สำคัญคือ กรดเฟรุลิก (Felrulic Acid) จึงถูกใช้สำหรับต่อต้านการแก่ (aging) ป้องกันการเกิดเซลล์มะเร็ง โรคหัวใจ ไข้หวัด รักษาสุขภาพของกล้ามเนื้อ ต่อต้านผลกระทบจากรังสีอัลตราไวโอเลต (จึงป้องกันมะเร็งผิวหนังได้)
จากผลการวิจัยพบว่า การต้มข้าวโพดที่ 115 องศาเซลเซียส มีผลดังนี้
เวลาที่ใช้ในการต้มปริมาณของสารต้านอนุมูลอิสระ
ปริมาณของกรดเฟรุลิก 10 นาที เพิ่มขึ้น 22% เพิ่มขึ้น 240%
25 นาที เพิ่มขึ้น 44% เพิ่มขึ้น 550%
50 นาที เพิ่มขึ้น 53% เพิ่มขึ้น 900%
ทำให้สรุปได้ว่า ข้าวโพดหวานที่ผ่านการต้มหรือปิ้ง มีปริมาณของสารต้านอนุมูลอิสระ และกรดเฟรุลิกซึ่งมีประโยชน์สำหรับร่างกายเพิ่มมากขึ้นเมื่อถูกความร้อนสูงขึ้นหรือเป็นเวลานานขึ้นแต่จะสูญเสียวิตามินบางตัว เช่น วิตามินซี ไปบ้างอย่างไรก็ตามข้าวโพดก็ไม่ใช่แหล่งที่ดีสำหรับวิตามินซีอยู่แล้ว

วันพุธที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2552

สายตาสั้นนั่งหน้าจอระวังต้อหิน

ดร. มาซากิ ตาเตมิชิ แห่งโรงเรียนแพทย์มหาวิทยาลัยโตโฮของญี่ปุ่น กล่าวว่า..
นอกจากการสูบบุหรี่ และโรคความดันโลหิตสูงแล้ว การนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์นานๆ ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เป็นโรคสายตาสั้นได้เหมือนกัน สำหรับคนที่มีสายตาสั้นอยู่แล้ว ก็ยิ่งเพิ่มโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดความผิดปกติของประสาทตาเพิ่มมากขึ้น แล้วอาจจะส่งผลให้เป็นโรคต้อหินได้ คณะวิจัยของ ดร. มาซากิ ตาเตมิชิ ได้ทดลองทำแบบสอบถามกับพนักงานที่นั่งทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ พบผู้มีปัญหาในเรื่องสายตาอยู่ 5%และหลังจากทำการตรวจสายตาอย่างละเอียดพบว่า มีผู้ที่มีโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นต้อหินอยู่ 1 ใน 3 จึงสันนิษฐานได้ว่าผู้ที่มีสายตาสั้นแล้วต้องนั่งทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์นานๆ เป็นเวลาติดต่อกัน อาจจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคต้อหินได้

วันอังคารที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2552

6 ข้อดีดื่มน้ำบรรเทาหวัด

อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย เดี๋ยวฝนตก เดี๋ยวแดดออก ทำให้หลายคนที่ไม่ค่อยได้ดูแลสุขภาพเป็นพิเศษมักเป็นหวัดได้ง่าย "โรคหวัด" เกิดขึ้นได้กับทุกคน แม้จะเป็นโรคที่ไม่ร้ายแรง แต่ทำให้ร่างกายรู้สึกอ่อนเพลีย ไม่สบายเนื้อสบายตัว ทำให้มีอาการปวดศรีษะ ตัวร้อน น้ำมูกไหล ไอ จาม มีเสมหะ ถ้าไม่ดูแลรักษาตัวให้ดีอาจก่อให้เกิดโรคแทรกซ้อนตามมาได้
เมื่อเป็นหวัดแนะนำว่าควรดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อยวันละ 2 ลิตรเพราะน้ำสามารถช่วยเยียวยาร่างกายให้หายจากหวัดได้เป็นอย่างดี ด้วยเหตุที่ว่า..
1. น้ำช่วยละลายเสมหะไม่ให้เหนียว โดยเฉพาะการดื่มน้ำอุ่น
2. ช่วยลดไข้หากไข้ขึ้นสูง น้ำนี่แหล่ะที่จะช่วยทำให้ร่างกายเย็นลงได้
3. ช่วยให้ร่างกายมีความชุ่มชื้นเพียงพอ ซึ่งส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้ดี
4. ช่วยให้เยื้อบุจมูกที่บุช่องทางเดินหายใจส่วนบนทำหน้าที่ได้ดีขึ้น จึงช่วยลด อาการคัดจมูก
5. ช่วยป้องกันการติดเชื้อ และอักเสบ
6. ช่วยขจัดสารพิษออกจากร่างกาย ทำให้ร่างกายฟื้นจากอาการไข้ได้เร็วขึ้น นอกจากนั้น หากอยากดื่มเครื่องดื่มที่มีรสชาติมากขึ้น แนะนำให้ลองดื่มน้ำผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง เช่น น้ำส้ม น้ำฝรั่ง น้ำกีวี น้ำมะเขือเทศ ฯลฯ เพราะวิตามินซีช่วยให้อาการหวัดหายเร็วขึ้น ส่วนคนที่มีอาการเจ็บคอสามารถบรรเทาอาการโดยใช้เกลือละลายน้ำอุ่นกลั้วคอ 2-3 วันติดต่อกันอาการจะทุเลาลงโดยไม่ต้องใช้ยาค่ะ